บราซิลเสิ่นเจิ้น

“ บราซิลเสิ่นเจิ้น ” Fred the Red ผู้ถูกปรามาส

วงในบอลนอก

Fred the Red – ผู้ถูกปรามาสว่าเป็น “ บราซิลเสิ่นเจิ้น 

‘เฟร็ด’  หรือ ‘เฟรเดริโก้ โรดริเกวส’ มิดฟิลด์จากแดนแซมบ้า หลังจากถูกปรามาสว่าเป็น ‘ บราซิลเสิ่นเจิ้น ’ ในช่วงที่ย้ายเข้าสู่ทีมใหม่ ๆ แต่สุดท้ายแล้ว ความมานะบากบั่นที่จะเอาชนะใจแฟนบอลของเขา ก็สัมฤทธิ์ผลจนขึ้นแท่นเป็นสุดยอดมิดฟิลด์ผึ้งงานที่ ‘ปีศาจแดง’ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ขาดไปไม่ได้เสียแล้ว

และตั้งแต่ย้ายมาจนถึงบัดนี้ เฟร็ดได้ลงรับใช้สโมสรไปแล้วกว่า 59 นัด กับ 2 ผู้จัดการทีมอย่าง โจเซ่ มูรินโญ่ และ โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ โดยเฟร็ดเป็นนักเตะที่มี เวิร์คเรทในเกมสูง โยกไปเล่นได้หลายบทบาทด้วยกัน

สร้างชื่อกับ ชัคตาร์ โดเน็ต

บราซิลเสิ่นเจิ้น

แรกเริ่มเดิมที เฟร็ดได้รับหน้าที่เป็นตัวทำเกมแบบอเนกประสงค์ ให้กับ ชัคตาร์ โดเน็ต เขาเป็นคีย์แมนคนสำคัญที่ช่วยให้ทีมคว้าแชมป์ลีกยูเครนได้ในฤดูกาล 2017/18 ด้วยฟอร์มอันโดดเด่น แม้กระทั่งใน UCL เขาสร้างความประทับใจให้ทีมจากแมนเชสเตอร์ทั้ง 2 ทีม โดยเฉพาะฟอร์มนัดที่เจอ นาโปลี

กับ ชัคตาร์ โดเน็ต นั้น เขาไม่แต่ยืนช่วยเก็บกวาดหน้าแผงกองหลังเท่านั้น แต่ยังมีบทบาทในการเป็นเพลย์เมคเกอร์อีกด้วย โดยยืนในระบบกลาง 2 ตัว แบบเดียวกับที่ยูไนเต็ดใช้ในฤดูกาลนี้

นอกจากนี้ การที่เขาได้รับมอบหมายให้คอยเจาะแนวรับด้วยลูกจ่ายทะลุช่องในพื้นที่สุดท้าย และยังต้องคอนโทรลเกมในแดนกลางด้วยนั้น หากเขาทำผิดพลาดสักอย่าง จะเกิดช่องว่างในเกมส์รับทันที แต่เขาก็ทำหน้าที่นั้นออกมาได้ดี

ล้มลุกคลุกคลานในยุคมูรินโญ่

บราซิลเสิ่นเจิ้น

ในฤดูกาลสุดท้ายของจ่ามูกับปีศาจแดง เขาจัดการดึงเฟร็ดเข้ามาสู่ทีม เพื่อเติมเต็มในแผนมิดฟิลด์ 3 ตัว ด้วยค่าตัว 54 ล้านปอนด์ และหวังว่าเขาจะเข้ามาเก็บกวาดแดนกลาง ให้ป๊อกบาได้เฉิดฉายเสียที ซึ่งหากใครจำกันได้ นัดแรกที่เขาลงพบกันคู่ปรับร่วมเมืองอย่าง แมนฯ ซิตี้ เขาก็โชว์ฟอร์มออกมาจนแฟนบอลต้องกุมขมับ และฟอร์มการเล่นของเขาก็ทรง ๆ นับตั้งแต่นั้นมา จน มูรินโญ่ ถูกไล่ออกจากตำแหน่งในที่สุด

โอเล่ ผู้ขับไล่วิญญาณ บราซิลเสิ่นเจิ้น

บราซิลเสิ่นเจิ้น

กราฟชีวิตของ เฟร็ด สูงขึ้นอีกครั้งจากการเข้ามาของ โซลชาร์ เขาได้รับมอบหมายให้คอยไล่และตัดบอลด้วยความดุดันมากขึ้น โดยมีผลงานที่จับต้องได้คือ ทั้งอัตราเฉลี่ยในการตัดบอล, การเข้าแท็คเกิ้ลสำเร็จ, การเลี้ยงบอลผ่าน รวมถึงเก็บตกบอลจังหวะสอง สูงขึ้นในทุก ๆ ด้านอย่างมีนัยยะสำคัญ

ฤดูกาลนี้ถือเป็นปีที่เฟร็ดได้โชว์ของแบบเต็ม ๆ หลังจากถูกสลประมาทมานาน ด้วยอาการบาดเจ็บภายของ ป๊อกบา และ มาติช เขาจึงได้รับโอกาสลงสนามเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย โดยมีอัตราการจ่ายบอล 87.7% และสามารถเอาชนะในการดวลกันแดนกลางได้มากถึง 242 ครั้ง อันแสดงให้เห็นถึงความดุดัน, แข็งแกร่ง การเติบโตของเขาที่แมนฯ ยูไนเต็ดอย่างแท้จริง