สเปอร์ส ดูเหมือนมีอนาคตมากขึ้นภายใต้การคุมทีมของ กุนซือเมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ โดยพวกเขาทะลุผ่านเข้าไปชิงชนะเลิศรายการแชมเปี้ยนส์ลีก ช่วงที่กุนซือชาวอาร์เจนติน่าคุมทีมคือช่วงปี 2015-2019 และทำให้ไก่เดือยทองเป็นทีมที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก โดยแยน แฟร์ต็องเก้นกองหลังของทีมได้มีส่วนกับเกมบุกมากมาย และเมื่อปี 2019 แต่สุดท้ายก็ถูกปรามาสว่าไร้แชมป์
เรามาดูเรื่องราวที่น่าจดจำของแยน แฟร์ต็องเก้นกันดีกว่า
การรวมกันของแยน แฟร์ต็องเกนและโทบี้ อันเดอร์ไวเรลด์สองกองหลังได้รับการยกย่องว่าเป็นการแท็กทีมที่ยอดเยี่ยมของสเปอร์สแต่ก็ไม่ดีพอที่จะคว้าแชมป์ โดยเมื่อปี 2016 ทั้งสองคนทำผลงานอย่างใช้ได้เมื่อทีมเสียประตูเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
กองหลังทั้งสองรายนี้ลงสนามร่วมกันและทำให้ทีมเสียประตูเพียง 26 ลูกตลอดทั้งฤดูกาล 2016/17 เมื่อเปรียบเทียบกับทีมแชมป์ ลิเวอร์พูลที่เสียประตูไปถึง 33 ประตูในช่วงเวลาเดียวกัน
เมื่อพวกเขากลับมามันเป็นความจริงที่ว่าสเปอร์สก็ยังต้องมีจุดที่ต้องปรับเปลี่ยนมากมาย แต่ถึงอย่างไรก็ตามไม่มีงานฉลองอะไรทั้งสิ้นเพราะว่าพวกเขาร้างลาถ้วยรางวัลนับตั้งแต่ปี 2009
เหตุการณ์โมเมนต์สำคัญที่น่าจดจำของเขาทั้งคู่เป็นเกมที่อัมสเตอร์ดัม ในรองรองแชมเปี้ยนส์ลีกเมื่อปี 2019 ที่ทีมไก่เดืยทองสามารถสู้กับอาแจ๊กซ์ได้อย่างสนุกสูสี และเกมนั้นเหมือนเป็นหนังชีวิตเลยทีเดียว สเปอร์สผ่านเจ้ารอบด้วยกฎอเวย์โกล ทีมไก่เดือยทองเข้ารอบแชมเปี้ยนส์ลีกเป็นครั้งแรก แต่เหตุการณ์นัดชิงชนะเลิศไม่เป็นที่น่าจดจำเท่าไหร่นัก อย่างไรก็ตามสเปอร์สก้าวเข้ามาไกลถึงนัดชิงชนะเลิศ
สเปอร์ส ยิงได้สามประตูในเกมเยือน
สเปอร์สยิงได้สามประตูในเกมเยือนและทีมผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศ โดยลูคัส มูร่ากลายเป็นฮีโร่ของทีม เขาทำแฮตทริคได้ในเกมนั้นและทำให้เป็นที่จดจำของแฟนบอลสเปอร์สมากมาย
เริ่มต้นและจบที่มาดริด
เมื่อผ่านเข้าไปถึงนัดชิงชนะเลิศที่มาดริด แยน แฟร์ต็องเก้นด้วยวัย 32 ปี ถ้าชนะจะเป็นแชมป์ระดับเมเจอร์กับสเปอร์ส และดูเหมือนว่าเกมที่มาดริดเป็นเหมือนโอกาสสุดท้ายของเขากับทีมแล้ว และดูเหมือนว่าโชคไม่เข้าข้างเมื่อทีมเสียประตูจากการทำแฮนด์บอลของมุสซ่า ซิสโซโก้ และหงส์แดงยิงเข้าไป ทำให้มันกลายเป็นงานช้างขึ้นมาทันที
แฟร์ต็องเก้นและผองเพื่อนทำได้เพียงแค่รับเหรียญเงินเท่านั้น เมื่อแพ้ต่อลิเวอร์พูล 2-0 เกมนี้จบลงก็เหมือนกับการจากลาของเขากับสเปอร์สไปด้วย และเมื่อหมดยุคของโปเช็ตติโน่ ยุคของมูรินโญ่ก็เข้ามาแทนที่
ยังมีการวิเคราะห์บอลและข่าวสารวงการฟุตบอลอื่นๆอีกมากมายให้ติดตามหากไม่อยากพลาด
