ทัพดาบคู่ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด คือทีมที่ไต่เต้าแบบก้าวกระโดดจากลีกวัน สู่พรีเมียร์ลีก ในระยะเวลาเพียง 4 ปี ซึ่งความดีความชอบคงต้องยกให้กับ คริส ไวช์เดอร์ ที่ใช้นักเตะโนเนม แต่นำมาผสมผสานจนทีมเกิดความลงตัว และการเลื่อนชั้นขึ้นมาสู่ลีกสูงสุดของพวกเขา ก็สร้างความเซอร์ไพร์ด้วยการก้าวขึ้นไปอยู่หัวตาราง พร้อมกับมีลุ้นไปลุยถ้วยยุโรปเป็นครั้งแรกของสโมสร แต่หลังจากรีสตาร์ทกลับมา ผลงานที่เคยเด็ดดวงก็ค่อยๆเริ่มแผ่ว กระทั่งจบซีซั่นด้วยอันดับที่ 9
หลายฝ่ายจึงคาดการณ์ว่าซีซั่น 2020/21 เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ไม่ใช่ทีมตกชั้น แต่จะเป็นทีมระดับกลางตารางที่พร้อมจะสอดแทรกขึ้นไปสู่หัวตารางได้ ซึ่งเหตุผลที่มองแบบนั้นเป็นเพราะว่า ทีมนี้เล่นด้วยระบบทีม นักเตะเปลี่ยนแปลงไม่มากนัก อีกทั้งโค้ชคู่บารมีก็ยังอยู่ แต่แล้วผลงานจนถึงบัดนี้ ผ่านมาแล้ว 14 นัด ยังไม่ชนะใคร แบ่งเป็นเสมอ 2 แพ้ 12 มีแต้มในมือเพียง 2 คะแนนเท่านั้น ทำให้ชั่วโมงนี้เชฟฟิลด์กลายเป็นทีมเต็งที่จะตกชั้นทันที
แล้วปัจจัยอะไรบ้างที่กำลังบอกว่า เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ย่ำแย่ จริงๆ
หากย้อนไปในช่วงหลังรีสตาร์ทจะพบว่าทัพดาบคู่ฟอร์มไม่ดีตั้งตอนนั้นแล้ว แต่มันส่งผลข้ามายังฤดูกาลนี้ด้วย ซึ่งหากจะไล่หาปัญหาคงต้องพูดตั้งแต่เกมรับเสียประตูง่ายทุกนัด ส่วนเกมรุกไม่สามารถทำได้เหมือนฤดูกาลก่อน โดยหากใครดูทัพดาบคู่แข่งขัน จะรู้สึกว่าประตูที่ได้มาแต่ละลูกนั้นแสนอยากเย็น เพราะหมดไปกับการยิงออก ยิงชนเสา ยิงชนคานแบบนับไม่ถ้วน
สุดท้าย คำถามที่ทุกคนสงสัย คือทำไมไม่ปลดคริส ไวช์เดอร์ เพื่อเซ่นผลงานอันดำดิ่งในครั้งนี้ คำตอบคือบอร์ดเชฟฟิลด์รู้ชะตากรรมของทีมแล้ว อีกทั้งพวกเขามองว่าการปลดจะเป็นผลเสียมากกว่าผลดี เพราะอย่าลืมว่ากุนซือผู้นี้คือคนที่พาทีมขึ้นมาจากลีกล่าง สู่ พรีเมียร์ลีก ในวันนี้ ซึ่งหากปลดไปอาจทำให้ทีมเสียศูนย์และส่งผลกระทบยาวในปีถัดไป ฉะนั้นการยอมรับและตกขั้นไปในปีนี้ย่อมดีกว่า อีกทั้งยังมีโอกาสสูงที่ทีมจะกลับมาลีกสูงสุดได้ในปีถัดไป ติดตามเรื่องราวของฟุตบอลพรีเมี่ยร์ลีกอีกมากมายหลายทีมได้ที่ ข่าวฟุตบอล
สามารถวางเดิมพันกีฬาฟุตบอลได้ที่เว็บไซต์ SA Gaming 1688 แถมยังมีตารางการแข่งขันและผลการวเคราะห์แนวทางให้อีกด้วย
