แวรเนอร์ และ ฮาแวร์ตซ์

แวรเนอร์ และ ฮาแวร์ตซ์ นักเตะส่อร่วงในครึ่งฤดูกาลแรกของ “เชลซี”

พรีเมียร์ลีก วงในบอลนอก

ฤดูกาลแห่งความเข้มข้นของศึกพรีเมียร์ลีกอังกฤษ ได้ผ่านถึงช่วงกลางฤดูกาลกันแล้ว  พร้อมผลสอบของนักเตะรายใหม่ที่สโมสรต่าง ๆ ต่างงัดกระปุกเสริมทัพในช่วงโควิดที่กำลังระบาดหนักอยู่ในยุโรปจนถึงขณะนี้  แต่สำหรับ“เชลซี” วิกฤติการเงินไม่เป็นอุปสรรคมากมายในช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา  โดยการทุ่มมากกว่า 200 ล้านปอนด์  เพื่อเสริมทัพไล่ล่าแชมป์ในฤดูกาลนี้มาครอง  แต่ทว่าความคาดหวังของแฟนบอลนั้น  ได้สวนทางกับฟอร์มที่ไม่สม่ำเสมอนัก  พร้อมกับตั้งคำถามอย่างหนัก ถึง ฟอร์มการเล่นของ แวรเนอร์ และ ฮาแวร์ตซ์ ตัวความหวัง  ที่ส่อเป็นดาวร่วงเข้าไปทุกที                                                             

             แม้จะมีวันดี ๆ ที่พวกเขาทั้งสอง เล่นดีและยิงประตูได้บ้าง  แต่ความคาดหวังจากแฟนบอลที่วาดฝันเอาไว้นั้น ไม่ใช่การเล่นดีเลิศเลอในการขย่มคู่แข่งเป็นบางนัด  แต่เป็นตารางคะแนนต่างหากที่พิสูจน์ความพัฒนาของทีม 

แวรเนอร์ และ ฮาแวร์ตซ์

ซึ่ง “แฟรงค์ แลมพาร์ด” โค้ชหน้าเข้มแห่งตำนาน “เชลซี” จะต้องมีส่วนร่วมในการผิดชอบของความคาดหวังของสโมสรและแฟนบอลอย่างปฏิเสธไม่ได้ โดยเฉพาะการจัดตำแหน่งของนักเตะ  ที่ตัวนักเตะอาจไม่ถนัดหรือปรับการเล่นยังไม่ได้  โดยเฉพาะสองนักเตะ อย่างแวรเนอร์ และ ฮาแวร์ตซ์

            ด้าน “แวร์เนอร์” ในช่วงค้าแข้งกับต้นสังกัดเดิมอย่าง “ไลป์ซิก”เขาได้เล่นเป็นกองหน้าซ้ายในระบบ 3-5-2 หรือ 3-4-1-2 ซึ่งสามารถเล่นได้อย่างอิสระในด้านซ้าย ที่สามารถปรับเปลี่ยนและยืดหยุ่นของแผนการเล่นได้  ในขณะที่ เชลซี เน้นการใช้ระบบหน้าเป้า

และใช้ “แวร์เนอร์” ในการโจมตีด้านซ้ายในลักษณะกึ่งปีก  ที่อิสระของการเล่นนั้นต่างกันมากกับสิ่งที่เขาคุ้นเคยกับสโมสรเก่า  ทำให้การปรับตัวกับแผนการเล่นของ “แลมพาร์ด” อาจต้องใช้เวลาพอสมควร                           

แวรเนอร์ และ ฮาแวร์ตซ์ ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างล้นหลาม  ในช่วงต้นฤดูกาลจนถึงขณะนี้                                          

ในขณะที่ “ฮาแวร์ตซ์” นั้น  ช่วงที่ระเบิดฟอร์มบนเวทีบุนเดส เจ้าตัวได้โชวศักยภาพแห่งการเชื่อมเกมส์ ละม้ายคล้ายคลึงกับ “โรแบร์โต้ ฟิมิโน่” ของลิเวอร์พูล โดยมีโอกาสทะลุขึ้นมายิงได้เสมอ  ในขณะที่ “แลมพาร์ด” ส่วนใหญ่จะใช้เขาในฐานะตำแหน่งกองกลางด้านขวา ที่ต้องลงมารับหน้าที่เป็นบ็อกซ์ทูบ็อกซ์อีกด้วย

ซึ่งอาจไม่ใช่แนวของเขาเลย อย่างไรก็ตาม  ตัวนักเตะเอง  ต้องมีส่วนที่ต้องรับผิดชอบกับฟอร์มการเล่นของตัวเอง  ในการปรับตัวเข้ากับระบบ  ซึ่งโค้ชเองก็มีหน้าที่  ที่ต้องฝังระบบให้นักเตะเชื่อมั่น  และแสดงศักยภาพให้ออกมามากที่สุดเช่นกัน  แต่ในที่สุด การเป็นนักเตะส่อร่วง ที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคตนั้น  ก็ขึ้นอยู่กับผลงานในสนามเป็นตัวชี้วัด  หากคาดหวังไม่ได้  ก็คงต้องแยกย้ายทางตามวิถีของวงการฟุตบอลเป็นธรรมดา จากนี้จะมีการอัพเดตอย่างไรทุกท่านสามารถติดตามเพิ่มเติมได้ที่ ข่าวฟุตบอล

ถ้าหากเพื่อน ๆ ยังไม่จุใจในบทความววันี้ แอดมีแนะนำให้เพื่อน ๆ เข้าไปที่ โจ๊กเกอร์123 เพราะมีการอัพเดตเรื่องราวของฟุตบอลมากมายหลากหลายทีม รวมถึงมีเกมให้เพื่อน ๆ ได้ลองเล่นกันด้วยครับ

Zai